วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บทความ

::: บทความธรรมะ คติสอนใจ เรื่องราวน่าคิด :::

  
  

ของขวัญที่ดีที่สุด (ในชีวิต)

คุณเคยถามตัวเองหรือไม่ ว่าสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของคุณคืออะไร
คำตอบสำหรับคำถามนี้ในแต่ละคนต่างกัน เช่น..
สิ่งที่ดีที่สุดคือการได้พบกับคนที่เรารักมากที่สุด
มีลูกที่ดี มีเพื่อนที่ดีที่สุด ได้งานทำที่ดี ได้เลื่อนตำแหน่ง
มีกิจการเป็นของตัวเอง ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่หนึ่ง
ได้ไปต่างประเทศ และยังมีเรื่องราวที่เป็นที่สุดอีกมากมาย
แต่มีใครเคยคิดบ้างว่า
การที่คนเราได้เกิดมาในโลกใบนี้นี่แหละ ถึอว่าเป็นเรื่องราวที่ดีสุดแล้ว
ความมหัศจรรย์ของชีวิตเกิดขึ้นเมื่อเราลืมตาขึ้นมาดูโลก
ถึงแม้บางคนจะบอกว่าเราเกิดมาใช้กรรม แต่นอกจากใช้กรรมแล้ว
เรายังสามารถสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นได้อีกมากมาย
ได้ค้นพบประสบการณ์ใหม่ ๆ เก็บเกี่ยวสิ่งดี ๆ ให้กับตนเอง
และคนรอบข้างไม่จบไม่สิ้น ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่
ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีอีกเช่นกัน

คิดดูสิ การที่เราได้เกิดมาบนโลกใบนี้
เราไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เราเกิดมาตัวเปล่า
ดังนั้นชีวิตหลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา
ขอให้ถือว่ามันคือกำไรชีวิต
ถึงแม้ว่าเรื่องราวที่เราได้พบจะทำให้เรา ร้องไห้ ผิดหวังแค่ไหนก็ตาม
แต่มันก็ทำให้เราเข้มแข็ง และกล้าที่จะยอมรับความจริง
นั่นคือบททดสอบ มันทำให้ความเป็นคนของเราสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ทุกอย่างถือเป็นกำไรทั้งสิ้น ไม่มีคำว่าขาดทุน
สอบตกก็กำไร ทำให้เราพยายามมากขึ้น
ถูกคุณครูว่า ก็กำไร ทำให้เรามีความตั้งใจมากขึ้น
ตกงานก็กำไร ทำให้เรามีความอดทนมากขึ้น
ผิดหวังจากความรักก็กำไร ทำให้เรารู้คุณค่าของความรักมากขึ้น
รู้หรือไม่ว่า ชีวิตให้ของขวัญอะไรกับเรา
ทุกคนได้รับของขวัญโดยเท่าเทียมกันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว

วันพรุ่งนี้ไงล่ะ วันใหม่ การเริ่มต้นใหม่ ทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอได้ทุกวัน

ทุกครั้งที่เหนื่อย ท้อใจ ผิดหวัง เมื่อดวงตะวันทอแสงในยามเช้า
เราจะพบกำไรอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ ความหวัง
เมื่อวันใหม่เริ่มต้น ความหวังก็จะยังอยู่กับเรา
ไม่มีวันหยุด จนกว่าจะหมดลมหายใจ
โปรดอย่ากำหนดชีวิตตัวเองด้วยการจากโลกนี้ไป
อย่าตัดสินใจอย่างนั้น คุณกำลังทิ้งของขวัญที่ดีที่สุดของคุณ
ทิ้งความหวัง ทิ้งกำไรชีวิต ถ้าคุณทำแบบนั้น คุณจะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร
ในเมื่อเราเกิดมาแล้วขอให้อยู่จนลมหายใจสุดท้ายของชีวิตเถิด
จนกว่าคุณจะหมดแรงสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับชีวิต
มันน่าเสียดายมากนะ ถ้าคุณไม่ได้เห็นวันพรุ่งนี้ของคุณ
ไม่ได้รับรู้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชีวิต
ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในด้านบวก หรือลบ ขอให้เรียนรู้ที่จะก้าวผ่านไปให้ได้

และเมื่อคุณมองย้อนกลับไปในอดีตที่ได้ฝ่าฟัน
หรืออดทนกับมันมา คุณจะพบว่าคุณช่างเป็นบุคคลที่กล้าหาญเหลือเกิน
ความภาคภูมิใจในตัวเองจะบังเกิดขึ้นกับคุณ
คุณจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น และยืนหยัดได้อย่างมั่นคง
คุณจะบอกกับตัวเองว่าอุปสรรคที่ผ่านมามันช่างเล็กน้อยเหลือเกิน

ไม่มีอะไรจะเกินความสามารถของคนเราไปได้เลย
ถ้าคุณยังมีความหวัง และคิดเสมอว่าทุกย่างก้าวของชีวิต
ทุกลมหายใจที่มีอยู่ ทุกอย่างคือกำไร
ขอให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข และพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่อยู่เสมอ
เพราะคุณคือสิ่งมหัศจรรย์ที่ถือกำเนิดขึ้นบนโลกใบนี้
และไม่มีวันที่คุณจะขาดทุนจากการดำเนินชีวิต 

บทความ


::: บทความธรรมะ คติสอนใจ เรื่องราวน่าคิด :::

  
  

แก้วที่ไม่เคยพอ

เรามักถูกสอนให้มองด้านดีว่า แก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้วนั้น
มีน้ำเหลือตั้งครึ่งแก้วมากกว่าที่จะมองว่าน้ำหายไปครึ่งแก้ว
แต่จะมองด้านไหนก็ตามก็ทำให้เราคิดว่าแก้วยังขาด พร่อง
ยังต้องหาน้ำมาเติมให้เต็ม

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เราจะรู้สึกว่า เรายังมีไม่พอ ต้องมีนั่น มีนี่
เสียก่อนแล้วเราจะอิ่มจะเต็ม สิ่งหนึ่งที่เราไม่เคยถูกสอนก็คือ
ไม่ว่าเราจะพัฒนาความสามารถ ในการหาเงิน หาของ
หาความรักให้ได้มากสักเท่าไหร่ก็ตาม น้ำในแก้วไม่มีวันเต็ม
เพราะความอยากในใจเราไม่เคยหยุด แก้วของเราก็จะโตขึ้น
ไปเรื่อยๆ ไม่เคยพอ

เมื่อก่อนที่เราคิดว่า ถ้าเรามีเงินล้าน เราจะมีความสุข
พอเรามีเข้าจริงๆปริมาณความต้องการ มาตรฐานการครองชีพ
ความเป็นอยู่ของเราก็โตรุดหน้าไป จนเราต้องหาเพิ่มตลอดเวลา
ซึ่งอย่าว่าแต่คนมีเงิน 10 ล้าน 100 ล้านขนาดคนที่มีเป็นหมื่นล้าน
ยังหาเงินอย่างไม่รู้จักอิ่มรู้จักพอ รวมทั้งคนที่เรารักหนักหนา
ยากลำบากกว่าจะได้มา พออยู่กันไปนาน ๆใจเราก็เรียกร้อง
มากขึ้นๆ เห็นจุดอ่อนข้อบกพร่อง ไม่อิ่ม ไม่เต็มได้ตลอดเวลา
แก้วน้ำหรือความอยากในใจเราไม่เคยหยุดโตหาเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็ม

เคล็ดลับของความสุขก็คือ เราพยายามอย่างเต็มที่ในการหาเงิน
หาความรัก เหมือนหาน้ำมาใส่แก้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ
เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับขนาดของแก้วให้พอดีกับน้ำ
ให้ใจเราสามารถที่จะมีความสุขสงบพอใจกับขณะนี้ เดี๋ยวนี้
โดยไม่ต้องรออนาคต
ถ้าเรามีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว แต่เราสามารถลดขนาดของแก้วน้ำลง
จนเหลือเพียง 1 ใน 4 น้ำที่มีครึ่งแก้ว ก็จะล้นมีเกินอยู่อีกเท่าตัว
มีเกินพอสำหรับเรา และ พอที่จะแบ่งให้คนอื่นเมื่อเราเต็ม
เราก็ไม่ต้องไปวิ่งหาน้ำมาเติมอีก มีเวลาเหลือเฟือให้คนที่เรารัก
ให้กับสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตเราอย่างแท้จริง

การลดขนาดของแก้วน้ำก็คือ การที่เราหมั่นตามรู้ ตามดูจิตใจ
ความรู้สึก ความคิดของเราแต่และขณะที่เรารู้ทันใจเราที่อยากได้
อยากให้คนอื่นคิดให้ถูกใจเรา ทุกขณะที่เรารู้ทัน ความอยากทำงาน
ไม่ได้ เราก็ได้ลดขนาดของแก้วลงทุกขณะที่เรามีความรู้สึกตัว
ชีวิตเราก็จะเป็นแก้วที่อิ่มเต็มพอดี พอเพียงมีความสุขมั่งคง

บทความ

::: บทความธรรมะ คติสอนใจ เรื่องราวน่าคิด :::

  
  

ความสุขซ่อนไว้ที่ไหน ?

มีมารน้อย 3 ตน แอบมาขโมยความสุขของมนุษย์เอาไป แล้วก็ปรึกษากันว่าจะเอาไปซ่อนที่ไหนดี
ตนแรกก็ว่า ควรเอาไปซ่อนที่ภูเขาที่สูงที่สุดในโลก

แต่มารน้อยตนที่ 2 ว่าเพื่อนเอ๋ย มนุษย์นั้นไม่กลัวความสูง แต่กลัวหายใจไม่ออก เพราะสังเกตได้ว่า ดำน้ำได้นิดเดียวก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาแล้ว เพราะกลัวหายใจไม่ออก แต่บนภูเขาอากาศดี มนุษย์ชอบไปเที่ยวภูเขา เอาไปซ่อนไว้ใต้บาดาลดีกว่า

มารน้อยตนที่ 3 แย้งว่า อย่าเลยเพื่อนเอ๋ย มนุษย์มันเก่งสร้างเครื่องมือหาของในทะเล ในอากาศ ได้ เดี๋ยวมันก็หาเจอ แต่สังเกตได้ว่า นัยน์ตามนุษย์มองไปข้างนอก หูก็ชอบฟังเสียงข้างนอก ชอบไปเที่ยวข้างนอก เราควรแอบเอาไปซ่อนไว้ในใจมันดีกว่า มนุษย์หาไม่เจอแน่ๆ เพราะว่ามนุษย์ชอบหาความผิดของคนอื่น ไม่ชอบขัดใจตัวเอง ไม่ชอบดูจิตใจของตัวเอง

มารน้อยทั้ง 3 ตน ก็ตกลงความเห็นเป็นเช่นเดียวกัน

ตั้งแต่นั้นมา มารน้อยก็เอาความสุขของมนุษย์มาซ่อนไว้ที่ใจ

มนุษย์ผู้โง่เขลาจึงออกไปหาความสุขที่อื่น ที่ภูเขา ที่ชายทะเล ที่คลับ ที่ร้องเพลง จึงหาความสุขไม่พบ ต้องออกไปข้างนอก หาความสุขในที่ผิด ๆ ตลอดมา

..คนที่ไปเที่ยวเธค เที่ยวคลับ กินเหล้า เพราะว่าเขามีทุกข์ จึงต้องออกไปหาความสุขมากลบเกลื่อน มาเฉลี่ยเพื่อให้ทุกข์นั้นน้อยลง แต่พอเมาแล้วกลับบ้าน หายเมาตื่นเช้ามา ทุกข์นั้นก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม

โดยหารู้ไม่ว่าความสุขที่เฝ้าติดตามเฝ้าหา อยู่ที่ใจตัวเองนั่นเอง ใยต้องออกไปหาความสุขที่อื่น

ต่อให้หาเท่าไหร่ แต่ใจยังร้อนรุ่ม ไม่สงบ ก็หาสุขนั้นไม่พบหรอก

บทความ

::: บทความธรรมะ คติสอนใจ เรื่องราวน่าคิด :::

  
  

คำสอนและข้อคิดดีๆ จาก พระ ว.วชิรเมธี

1.สรรพสิ่งในโลกนี้ ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ได้เป็นไปตามที่บนบานศาลกล่าว
หากโลกนี้ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้คนสมปรารถนาถ้าเป็นเช่นนั้นจริง โลกนี้จะเหลือใครบ้าง
ที่เป็นคนผิดหวัง

2.หลักของความจริงสากลมีอยู่ว่า..ทุกสิ่งทุกอย่าง ไหลไปสู่ความเปลี่ยนแปลง
ทางพระเรียก อนิจจัง ถ้าเราไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง..ซึ่งถือว่าเป็นกฎธรรมชาติ
เราถึงได้เป็นทุกข์

3.คนที่ทุกข์ เพราะทำงานแล้วเจ้านายไม่เห็นคุณค่า ต้องนึกถึงความไม่เที่ยง
วันนี้เขาไม่เห็นคุณค่า.. แต่พรุ่งนี้อาจไม่ใช่ ส่วนคนที่ได้รับคำชมเชย จำไว้มันไม่เที่ยง
คนที่ชมเรา วันนี้ อาจเป็นคนเดียวกับคนที่ตำหนิเรา วันหน้า

4.บางคนมีชีวิตขึ้นกับ สายตาของคนอื่น ไม่เชื่อมั่นใน วิจารณญาณของตนเอง
มักคิดเสมอว่า... ถ้าเราพูดเช่นนี้ ทำอย่างนี้ ใช้โทรศัพท์รุ่นนี้ คบเพื่อนคนนี้ ใช้ของยี่ห้อนี้
แล้วคนอื่นจะมองเราอย่างไร คนประเภทนี้ ทั้งชีวิตแทบไม่มีช่องว่าง ให้ความสุขได้เล็ดลอด
เข้ามาในผืนแผ่นดินใจเลย เพราะ... ใช้ชีวิตตามที่สังคมคาดหวัง เกรงว่าถ้าไม่แสดงตน
อย่างที่คนทั่วไปคาดหวัง จะถูกลดความสำคัญลง สายตาของคนอื่นจะคอยจับเรา
เหวี่ยงไปเหวี่ยงมา จนสูญเสียความเป็นตัวเอง วิธีที่จะเอาชนะความทุกข์นี้คือ
หัดลดความสำคัญกับสายตาของคนอื่นควรรู้จักพูดว่า "ช่างมันฉันไม่แคร์" ในบางเวลา
ในบางสถานการณ์

5.ไฟที่เกิดจากกองเพลิงธรรมดา ไหม้ได้อย่างดีสุด ก็แค่ชั่วฟืนหมด
แต่ไฟแห่งความริษยาที่เราก่อขึ้นในใจ ถ้าไม่ได้ น้ำแห่งธรรมะมาดับ
บางทีล่วงลับข้ามภพไป ยังดับไม่ได้
ก่อนนอนทุกคืน.... คุณโยมควรปลดสลักความรุนแรงในใจเรา
เราริษยาใคร.. โกรธใคร.. เราแค้นใคร... แผ่เมตตา ให้เขาซะ
เพราะถ้าเรายังโกรธ ยังริษยา เมื่อนั้นมันคือ ระเบิดเวลา
ที่จะทำลาย โมงยามแห่งความสุข ทุกคืนวันไม่จบไม่สิ้น


6.ขอเพียงมนุษย์ไม่ดูถูกตัวเอง ตระหนักรู้ถึงศักยภาพพิเศษที่ซุกซ่อนอยู่ในตน
แล้วเพียรเจียระไนชีวิตให้แวววาว พราวพรายด้วยการศึกษาเรียนรู้ ซึมซับเก็บรับบทเรียน
จากการงานและการใช้ชีวิตอย่างสุขุมก็ย่อมจะมีชีวิตที่คุ้มค่า สงบ ร่มเย็น และเป็นสุขได้
โดยไม่ยากเย็น

บทความ

::: บทความธรรมะ คติสอนใจ เรื่องราวน่าคิด :::

  
  

วันนี้... คุณมองดูตัวเองกันหรือยัง

มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง อาศัยอยู่บ้านหลังหนึ่ง ทุกๆ เช้า ภรรยาจะแอบมองดูเพื่อนบ้าน จากหน้าต่างชั้นบนบ้านและวิ่งกลับมารายงานให้สามีฟัง

" เพื่อนบ้านเรานี่ ซักผ้าไม่เป็นเลย เสื้อผ้าสกปรกเหลือเกิน ไม่รู้เขาใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร หรือใช้วิธีซักอย่างไร "

สามีก็ตอบว่า " อย่าไปสนใจคนอื่นเขาเลย เราซักผ้าของเราให้สะอาดก็แล้วกัน "

แต่ภรรยาก็ยังไปแอบดูเพื่อนบ้านอยู่ทุกเช้าจากหน้าต่างข้างบนบ้าน และวิ่งกลับมารายงานสามีทุกเช้า

" เสื้อผ้าของเขาสกปรกอีกแล้ว..."
ต่อมาวันหนึ่ง ภรรยาวิ่งลงมารายงานสามีด้วยความแปลกประหลาดใจ

" ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เสื้อผ้าของเขาขาวสะอาด อยากจะรู้เหลือเกินว่า เขาเปลี่ยนมาใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไร หรือทำอย่างไร..."

สามีหัวเราะและกล่าวว่า " นี่...ฉันรำคาญเธอเหลือเกิน เมื่อเช้าฉันตื่นแต่เช้ามืด และไปเช็ดกระจกหน้าต่างให้ใสสะอาด เพราะก่อนหน้านี้กระจกมันสกปรก เธอมองออกไป ก็เห็นแต่ความสกปรก... "

" มนุษย์เราชอบมองคนอื่น โดยผ่านจิตใจของเราออกไป เมื่อจิตใจของเราสะอาด เราก็จะเห็นแต่ความดีงามรอบๆ ตัว แต่ถ้าจิตใจของเราสกปรก เราก็จะเห็นแต่ความสกปรกรอบตัว การที่เราเห็นแต่ความเลวรอบๆ ตัวเรา เราต้องเข้าใจว่า แท้ที่จริงแล้ว... สิ่งที่เราเห็น มันเกิดขึ้นในจิตใจของเรา และเราจะต้องหาทางฝึกจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ถ้าเราเห็นแต่สิ่งที่เลวจิตใจก็ไม่สงบ เราก็จะกลุ้มอกกลุ้มใจ มีความทุกข์ แต่ถ้าเราหัดมองในแง่ดี เราก็จะคิดแต่สิ่งที่ดี จิตใจก็จะเบิกบาน และมีความสุข..